"ผีหมอไกร" [ภาคต่อเรื่อง "หมอไกร"] (คำเตือน: เรื่องนี้ Dark จิตอ่อน ห้ามอ่าน)
-
Topic author - Administrator
- โพสต์: 10
- ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2024, 21:06
- Gender:
- อายุ: 31
- ติดต่อ:
"ผีหมอไกร" [ภาคต่อเรื่อง "หมอไกร"] (คำเตือน: เรื่องนี้ Dark จิตอ่อน ห้ามอ่าน)
นิยายเสียงผี [The Creepy Cry]
ขอนำเสนอเรื่อง
"ปอบ หมอไกร"
หากใครยังไม่เคยอ่านเรื่อง หมอไกร แนะนำให้ไปอ่านก่อน เพื่อให้เข้าใจเนื้อเรื่องและเพิ่มอรรถรสในการอ่าน viewtopic.php?f=3&t=9
และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาเข้าเรื่องกันได้เลย
เรื่องราวมีอยู่ว่า
ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเย็น ในค่ำคืนที่เงียบสงัด
ณ วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีประวัติเรื่องราวเล่าขานสุดสยอง เกี่ยวกับเรื่องราวน่าสะพรึงกลัวของหมอไกร ที่ก่อเหตุฆาตกรรมเจ้าอาวาส ด้วยการกรีด หัว สมอง และ กัด กิน ก้อน เนื้อ สมอง อย่างหิวโหย
ก่อนที่หมอไกรจะถูกวิสามัญฆาตกรรม แต่อย่างไรก็ดี ศพของเจ้าอาวาสยังหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
จนเวลาผ่านไปเกือบ 10 ปี
กระทั่งวันหนึ่ง มี พระบวชใหม่ รูปหนึ่ง ชื่อ หลวงพี่อานนท์ มาบวชในวัดดังกล่าว
ซึ่ง หลวงพี่อานนท์ ก็ทราบ ดีอยู่แล้ว ก่อนตัดสินใจ มาบวชที่วัดนี้ ว่ามีประวัติเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับการฆาตกรรมเจ้าอาวาสและความน่าสะพรึงกลัวของหมอไกร แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเป็นคนไม่กลัวผี
ในค่ำคืนที่ หลวงพี่อานนท์ ต้อง จำวัด เป็นคืน แรก
ช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว และมีเสียงลมกรรโชกดังตลอดทั้งคืน
กุฏิของ หลวงพี่อานนท์ เป็น กุฏิไม้ หลังเล็ก ๆ
ชั้นเดียว
แต่ยกใต้ถุนสูง
ทั้งกุฏิ มีอยู่แค่ 2 ห้อง
ห้องติดบันได เป็นห้องของ หลวงพี่อานนท์
ส่วนอีกห้องถัดไปด้านในสุด ไม่มีใครอยู่
ซึ่ง หลวงพี่อานนท์ จำวัดอยู่รูปเดียวในกุฏิหลังนั้น
ส่วนพระท่านอื่น จำวัดอยู่ในกุฏิรวม ที่เป็นอาคาร 2 ชั้น แบ่งเป็นหลายๆห้อง เหมือนห้องแถว
หลวงพี่อานนท์ ไปจำวัดเป็นคืนแรก ก็เลยไม่ได้ถามหรือติดใจอะไร เพราะคิดว่า ห้อง ในกุฏิรวม อาจจะเต็ม
หรือเป็นเพราะ กุฏิรวม อาจจะมีไว้สำหรับพระที่จำวัดมานาน ซึ่ง หลวงพี่อานนท์ เป็นพระใหม่ ก็เลยให้จำวัดที่กุฏิแยกหลังนี้แหล่ะมั้ง
ในขณะที่ หลวงพี่อานนท์ พยายามข่มตานอน และกำลังจะเคลิ้มหลับ
มีเสียงปริศนาดังมาจากกุฏิห้องข้างๆ ที่ไม่มีใครอยู่ ซึ่งคล้ายกับเสียงคนกำลังกินอะไรบางอย่างอย่างหิวโหย
จนทำให้ หลวงพี่อานนท์ สะดุ้งตื่น ตา สว่างขึ้นมาทันที และตัดสินใจค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง และค่อย ๆ ขยับไปชิดผนัง
และแนบหูฟังให้แน่ใจว่า เสียงมาจากห้องนั้นจริงๆ หรือเปล่า และเพื่อยืนยันว่าไม่ได้หูฝาด
ซักพัก ได้ยินเสียงคนหัวเราะในลำคอเบาๆ
ทันใดนั้น ความคิดเรื่อง หมอไกร ก็ผุดขึ้นมาในหัวของ หลวงพี่อานนท์ ทันที
และอยู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตู ปึ้ง ๆ ๆ ๆ และตะโกน ว่า หลวงพี่ ๆ ช่วยด้วย จะตายแล้ว เปิดประตูหน่อย
หลวงพี่อานนท์ จำได้ว่าเป็นเสียงของ ไอ้แดง
เด็กวัด อายุ 10 ขวบ ที่มาช่วย ยกของ ย้ายเข้ากุฏิเมื่อตอนบ่าย
หลวงพี่อานนท์ ก็เลยตอบกลับไปว่า
เป็นอะไร โยม รอเดี๋ยว กำลังไปเปิดให้
หลวงพี่อานนท์ ลุกขึ้นไปเปิดประตูบานไม้เก่า ๆ เสียงดัง แอ๊ด
แล้วชะเง้อหน้ามองออกไป แต่ ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกจากห้อง
ทันใดนั้น ปรากฏว่า มีผ้าผืนใหญ่ สีส้ม ๆ ลอยพุ่งพรวดประจันหน้า และโถมเข้าใส่หลวงพี่อานนท์
คลุมทั้งหัว คลุมทั้งตัว จนมองอะไรไม่เห็น ก็เลยเอามือปัด ๆ ๆ เพื่อให้หลุดออกมาจากผ้าสีส้มผืนนั้น พอหลุดออกมาได้ เห็นว่าผ้าสีส้มผืนนั้น เป็น ผ้าจีวร ที่ หลวงพี่อานนท์ เป็นคนเอาไปผึ่งตากไว้หน้าห้องเองนั่นแหล่ะ
อาจจะเป็นเพราะลมพัดแรง ผ้าจีวร ที่ตากไว้ก็เลยพัดปลิว แต่เผอิญมันปลิวมาจังหวะที่ หลวงพี่อานนท์ เปิดประตูออกมาพอดี
หลวงพี่อานนท์ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อซักครู่ ไอ้แดงเด็กวัด มันมาเคาะประตูเรียกหน้าห้องนี่หว่า ก็เลยมองหา และเรียก
โยมแดง
โยม อยู่ไหน
มีอะไรหรือโยม
แต่พอมองรอบ ๆ บริเวณนั้น มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว
เห็นแต่ ผ้าจีวร ที่พาดอยู่บนลวดที่ขึงไว้สำหรับตากผ้าอยู่หน้าห้องของหลวงพี่อานนท์ และพัดปลิวไสวตามแรงลม เท่านั้น
ท่ามกลางความเงียบ ที่มีแต่เสียงลมในฤดูหนาว และแสงไฟสีขาว สลัว ๆ จากหลอดไฟนีออนดวงเดียวหน้ากุฏิ
บรรยากาศเย็นยะเยือก จนขนแขน ขนขา ลุก กราว ไปทั้งตัว
หลวงพี่อานนท์ เหลือบไปเห็นประตูของห้องข้าง ๆ แง้มเปิดไว้เล็กน้อย และเห็นแม่กุญแจเปิดออก โดยมีเส้นลวด บิดเบี้ยว ขด งอ คาอยู่ที่ตัวแม่กุญแจ เหมือนกับว่ามีคนแอบสะเดาะกุญแจเข้าไปในห้องนั้น
หลวงพี่อานนท์ รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มจะไม่ดีแล้ว ก็เลยมองหา ของ ที่อยู่ใกล้มือที่สุด โดยหันไปคว้าได้ ไม้ถูพื้น ด้ามโลหะเก่าๆที่พอจะใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้ ถือติดมือไปด้วย แล้วค่อย ๆ ย่องไปที่ห้องต้องสงสัย และเรียก
โยมแดง
โยม
โยม ได้ยินอาตมามั้ย
โยม อยู่ในห้องนั้นหรือเปล่า
แต่ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ ได้ยินเพียงแค่เสียงพื้นไม้ดังยวบยาบ เหมือน ว่า มีคนขยับตัวอยู่ในห้องนั้น
หลวงพี่อานนท์ ผลักประตูเข้าไปด้วยความหวาดระแวง เสียงดังแอ๊ด
แสงจากภายนอกค่อย ๆ ลอดผ่านเข้าไปในห้องนั้น ตามองศาของประตู
หลวงพี่อานนท์ ค่อย ๆ เห็นสิ่งที่อยู่ในห้องนั้นทีละน้อย
เห็นเป็น บาตรพระ
คว่ำ อยู่ที่พื้น
ธูปเทียน
กระจัดกระจาย
มองถัดไป เห็นเท้าของคน เปลือยเปล่า ไม่ใส่รองเท้า ในลักษณะเปื้อนฝุ่นหนาเตอะ
ไล่ขึ้นไปเป็นขาเด็กผู้ชาย
ใส่กางเกงขาสั้นสีเขียว
ใส่เสื้อกล้ามสีขาว
ลำตัวผอม แขนเล็กลีบ
และเห็นของเหลว สีแดง ไหลเยิ้มบริเวณรอบ ๆ ร่างนั้น
ซึ่ง ร่างนั้น กำลังนอน ชักกระตุก เบา ๆ เหมือนกล้ามเนื้อ สั่น กระตุก เหมือนคนกำลังจะขาดใจ
พอชะเง้อมองใบหน้า ปรากฏว่าเป็น ไอ้แดง
ทันใดนั้น หลวงพี่อานนท์ ผลักประตูเข้าไปเต็มแรง แต่พอประตูเปิดเต็มบาน แสงก็สาดส่องเข้าไปในห้องนั้น
ปรากฏว่า เห็นร่าง ไอ้แดง นอนตาเหลือก และนอนกัดลิ้นตัวเอง
บริเวณหัวของไอ้แดง เหมือนโดนมีดกรีดผ่ากลางหัว จนเห็น สมอง ทะลักออกมา
เนื้อสมองบางส่วนไหล ขยะแขยง เละเทะ และเลือดสีแดง ไหลเยิ้ม นองเต็มพื้น
หลวงพี่อานนท์ พยายามตั้งสติ และสังเกตเห็นรอยเท้า สีเลือด เดินเข้ามาทางมุมห้องข้าง ๆ ประตูที่ หลวงพี่อานนท์ เปิดเข้าไป
ทันใดนั้น หลวงพี่อานนท์ หวดไม้ถูพื้นไปที่มุมห้องทันที โดยหลับหูหลับตาตีไปแบบไม่ยั้ง ไม่ว่าจะมีใครอยู่ตรงนั้นหรือไม่ก็ตาม เพื่อป้องกันตัวตามสัญชาตญาณไว้ก่อน
เสียงดัง ปึ้ง ปั้ง ปึ้ง ปั้ง จน พระ ในวัด พากันตื่นกันหมด แล้วกรูกันมารวมตัวที่กุฏิของหลวงพี่อานนท์ พร้อมเรียกสติ
พอ หลวงพี่อานนท์ได้สติ มอง และชี้ เข้าไปในห้องต้องสงสัยนั้น ปรากฏว่า ว่างเปล่า
ไม่มีไอ้แดง ไม่มีเลือด
เห็นแต่ข้าวของในห้องกระจัดกระจายจากการที่หลวงพี่อานนท์ใช้ไม้ถูพื้นหวดฟาดจนเละเทะ
หลวงพ่อที่เป็นเจ้าอาวาสคนปัจจุบัน ถามขึ้นว่า
พระใหม่ งัดเข้ามา ทำลายข้าวของ ในห้องของเจ้าอาวาสคนเก่า ที่ถูก ปิด ตาย ไปแล้ว ทำไม
และนี่ตั้งแต่ เจ้าอาวาสคนเก่า ท่านถูก หมอไกร ฆ่าตาย และยังหาศพไม่เจอ ก็ไม่มีใครกล้าเปิดเข้ามาในห้องนี้นานละนะ พระใหม่
หลวงพี่อานนท์ ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ เพราะ ห้องนี้คือห้องของเจ้าอาวาสคนเก่า ที่เป็นเรื่องราวเล่าขานถึงความสยองขวัญของวัดแห่งนี้
และหลวงพี่อานนท์ ก็ปฏิเสธว่าตนไม่ได้เป็นคนงัด และพยายามเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้พระท่านอื่นฟัง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ
แถม ไอ้แดง เด็กวัด ก็เพิ่งจะวิ่งมาพร้อมกับพระท่านอื่น และยังยืน ปกติดีอยู่หลังพระท่านอื่น อีกต่างหาก
สรุปแล้ว หลวงพี่อานนท์ ต้องถูก เจ้าอาวาสคนปัจจุบัน ลงโทษ โดยให้ หลวงพี่อานนท์ เก็บกวาดในห้องนั้นให้เรียบร้อยในวันพรุ่งนี้ และให้ทำเพียงรูปเดียว ห้ามใคร มาช่วยเด็ดขาด
หลวงพี่อานนท์ สับสน ว่า เหตุการณ์เมื่อซักครู่มันคืออะไร และหันไปมองหน้า ไอ้แดง ด้วยความสงสัย
ปรากฏว่า ไอ้แดง ยืนยิ้มมุมปาก ให้ หลวงพี่อานนท์ ก่อนหันหลังเดินจากไปพร้อมกับพระท่านอื่น
หลวงพี่อานนท์ เก็บความสงสัยไว้คนเดียว
จนวันรุ่งขึ้น หลังฉันภัตตาหารเช้าเสร็จ ก็ได้มาเก็บกวาดห้องต้องสงสัยนั้นเพียงรูปเดียว
และในขณะเก็บกวาด หลวงพี่อานนท์ ก็ได้ยินเสียงคนเดินมุ่งหน้าขึ้นมาที่บนกุฏิ แล้วเสียงฝีเท้าก็หยุดที่หน้าประตูห้องที่หลวงพี่อานนท์กำลังเก็บกวาดอยู่ ในตอนนั้นคิดว่าเจ้าอาวาสคนปัจจุบันน่าจะเดินมาตรวจดูความเรียบร้อยหรือเปล่า ก็เลยหันหลังไปมอง
แต่ปรากฏว่า เป็น ไอ้แดง เด็กวัด คนเดิม ยืนจ้อง หลวงพี่อานนท์ อยู่ที่หน้าประตู
แล้ว ค่อย ๆ แสยะยิ้ม
พลางเปล่งเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ
หลวงพี่อานนท์ รู้สึกว่า น่าขนลุก สยด สยอง แปลก ๆ
คนธรรมดาที่ไหนจะมาทำอะไรแบบนี้
แต่หลวงพี่อานนท์ ยังทำใจดีสู้เสือ ทักถาม ไอ้แดง ไปว่า
อ้าว โยมแดงเองหรอ มีอะไรหรือโยม
แต่ ไอ้แดง เอียงคอ
แล้วยิ้มกว้าง ยิงฟัน
พลางเปล่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ
หึ ๆ ๆ ๆ
หลวงพี่อานนท์ พูดสวนต่อไป เพื่อกลบเกลื่อนความกลัว ในทันทีเลยว่า
เห้ย โยม ๆ ๆ ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนเถอะไป ไม่ต้องมาช่วยอาตมาหรอก อาตมา ใกล้จะทำเสร็จแล้ว
ไปเถอะ
ปาย โยม
ไปวิ่งเล่นที่อื่นเถอะ ไป
แต่ไอ้แดงเงยหน้า อ้าปากหัวเราะ ชอบใจ
ฮ่า ๆ ๆ
แล้วค่อย ๆ หันหลังเดินจากไป
ในตอนนั้น หลวงพี่อานนท์ เห็น ไอ้แดง เดินหันหลัง จากไปช้า ๆ
และสังเกตว่า ไอ้แดง เดิน เอามือไขว้หลัง และมีมีดเล่มเล็ก ๆ ลักษณะเหมือนมีดผ่าตัดที่เป็นเครื่องมือแพทย์ อยู่ในมือของ ไอ้แดง
หลวงพี่อานนท์ คิดว่าจะจับให้ได้คาหนังคาเขา ว่า ไอ้แดง มันมีอะไรแปลก ๆ
ก็เลยวิ่งปรี่จนจีวรปลิว พุ่งเข้าไปหาไอ้แดงทันที และคิดว่าเด็ก 10 ขวบ คงไม่มีแรงสู้ ผู้ใหญ่ อย่าง หลวงพี่อานนท์ หรอก
แต่พอเข้าไปประชิดตัว ปรากฏว่า ไอ้แดง หันหลังกลับมา ยกมีด ชูขึ้น แทงสวน กลับมา
มีดปัก เข้าไปที่ กลางหน้าอก ของ หลวงพี่อานนท์
จังหวะนั้น ญาติโยม ที่ มา ทำบุญ ที่ วัด เห็นเหตุการณ์ และส่งเสียงกรี๊ดลั่น จนคนในวัด ทั้งพระ ทั้งญาติโยม พากันวิ่งกรูเข้ามาดูเหตุการณ์ และช่วย หลวงพี่อานนท์ นำไปส่งโรงพยาบาล
โชคดีที่ หลวงพี่อานนท์ ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไร เพราะมีดแทงเข้าไปไม่ถึงปอด
แต่มีเรื่องแปลกเกิดขึ้น เพราะ พระ ลูก วัด รูปหนึ่ง พบโครงกระดูกปริศนา ที่นุ่งผ้าจีวร สีส้ม
นอน แห้ง กรัง อยู่ในกุฏิของเจ้าอาวาสคนเก่า
ซึ่งตรวจสอบโครงกระดูกแล้ว พบว่าเป็นศพของเจ้าอาวาสคนเก่า ที่เคยหายสาบสูญไปเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน
และสิ่งที่เหมือนย้อนเวลากับไปคล้ายกับเรื่องราวเล่าขานของหมอไกรอีกครั้งคือ
สุดท้าย ไอ้แดง ก็หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนตอนที่ หมอไกร หนีหายไปในครั้งแรก และเหมือนกับเหตุการณ์ที่ศพของเจ้าอาวาสคนเก่าหายสาบสูญ
โดยชาวบ้านมีความเชื่อกันว่า หมอไกร อาจจะเล่นคุณไสยและควบคุมของไม่อยู่ จนของย้อนกลับเข้าตัว กลายเป็นผีปอบ
แต่ชาวบ้านกลัวว่าอาจจะไม่ใช่ผีปอบธรรมดา เพราะหมอไกรมีวิชาอาคมแกร่งกล้ามาก ซึ่งอาจจะเข้าขั้นเป็น พญาผีปอบ หรือตามความเชื่อโบราณเรียกอสูรกายชนิดนี้ว่า
ห่า ก้อม
และชาวบ้านสันนิษฐานกันว่า การที่ ผีปอบหมอไกร กัด กิน ก้อนเนื้อสมอง ของเจ้าอาวาส และก้อนเนื้อสมอง ของไอ้แดง
คือ การกลืนกินร่างนั้น และใช้ร่างนั้น ทดแทนร่างเก่าที่เริ่มอ่อนแอลง และเป็นการเข้าไป สิงสู่ ร่างใหม่ และสืบทอดความเป็น ผีปอบหมอไกร ก็เป็นได้
และถ้า เป็น ไป ตาม ข้อสันนิษฐานของชาวบ้าน แสดงว่า ร่างใหม่ ของ ผีปอบหมอไกร คือ ไอ้แดง
ซึ่งยังไม่มีใครพบเห็น ไอ้แดง อีกเลยนับแต่นั้นเป็นต้นมา
และเป็นเรื่องราวเล่าขานต่อ ๆ กันว่า ไอ้แดง คือ ร่างใหม่ ของ ผีปอบหมอไกร และถ้า ร่างของไอ้แดง เริ่มอ่อนแอลงเมื่อไร
ความน่าสะพรึงกลัวนี้ อาจจะรอวัน กลับ มา
กรีด หัว สมอง
และกัดกิน ก้อนเนื้อสมอง ใครซักคน
เหมือนที่ หมอไกร เคยทำ
เพื่อสิงสู่ร่างใหม่
เมื่อไหร่ที่ร่างเก่านั้นเริ่มอ่อนแอลง
และสืบทอดความเป็น ผีปอบหมอไกร ต่อไปในซักวัน
ก็
เป็น
ได้
ย้อนกลับไปยัง “สยองขวัญ (Horror)”
ผู้ใช้งานขณะนี้
สมาชิกกำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และบุคลทั่วไป 2