"หมอไกร" (คำเตือน: เรื่องนี้ Dark จิตอ่อน ห้ามอ่าน)
นิยายเสียงผี [The Creepy Cry]
ขอนำเสนอเรื่อง
"หมอไกร"
(คำเตือน: เรื่องนี้ ดาร์ค...หากใครใจไม่แข็งหรือจิตอ่อน...ห้ามอ่าน)
เรื่องราวมีอยู่ว่า
เรื่องนี้เป็นแง่มุมที่สะท้อนถึงความน่าสะพรึงกลัว ของ คนที่เคยเป็นที่รักใคร่ที่สุดของทุก ๆ คน
แต่ต้องถูกความกดดัน ทำให้คน ๆ นั้น กลายเป็นฆาตรกรที่น่าหวาดกลัวที่สุด
เป็นเรื่องราวของหมอคนหนึ่ง ชื่อ หมอไกร
ซึ่งเป็น หมอผ่าตัดสมอง ที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาล
เขาได้รับความไว้วางใจ จากทั้งคนไข้
รวมทั้งหมอและพยาบาลที่ทำงานด้วยกัน
อย่างไรก็ดี
นอกจาก หมอไกร จะมีอาชีพเป็นหมอผ่าตัดสมองแล้ว ยังถูกกล่าวถึงอีก ว่า
หมอไกร อยู่ในครอบครัวหมอผี
และมีบรรพบุรุษ เป็น หมอผี
ซึ่งบรรพบุรุษของหมอไกร เคยทำคุณไสย ใส่คนมานักต่อนักแล้ว
และมีการสืบทอดวิชาทางไสยเวทย์มนต์ดำ สืบต่อกันมา รุ่นสู่รุ่น
จนกระทั่งถึงรุ่นของ หมอไกร ก็ได้มีการรับขันธ์ และสืบทอดวิชาทางไสยเวทย์มนต์ดำ ยกกายถวายวิญญาณให้กับผีไปเรียบร้อย
แต่ท้ายที่สุด
หมอไกร ก็เลือกที่จะไม่ใช้วิชาทางไสยเวทย์มนต์ดำที่ได้รับการสืบทอด
เพื่อให้มันจบสิ้นไปในรุ่นของหมอไกรและตายไปพร้อมกับหมอไกร
แม้หมอไกรจะต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด
ยอมให้ไสยเวทย์มนต์ดำ กัดกินพลังชีวิตของหมอไกร ไปอย่างช้าๆ
โดย หมอไกร เลือกที่จะเดินตามสายอาชีพที่สุจริต และอยากสร้างบุญ สร้างกุศลกรรม เพื่อหวังที่จะหลุดพ้นวงเวียนอุบาทว์ในชาตินี้
ซึ่ง หมอไกร ได้ค้นพบ พรสวรรค์และความสามารถพิเศษของตัวเองมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนกระทั่งโต
คือ การเป็น หมอรักษาคน
หมอไกร จึงพากเพียรพยายามจนเรียนจบคณะแพทย์
และอุทิศตนทำงานอย่างเต็มความสามารถ จนได้เป็น หมอผ่าตัดสมอง ที่ ฝีมือ ดีที่สุด คนหนึ่ง
แต่ ในระหว่างการ ใช้ชีวิตเป็นหมอ
หมอไกร โดนดูถูกเหยียดหยามจากคนกลุ่มหนึ่งมาโดยตลอด
ซึ่งก็เป็น หมอ บางคน และพยาบาล บางคน
ที่เหยียดหยาม เรื่องครอบครัวและเรื่องอดีตที่หมอไกรพยายามลบเลือนมัน
ว่า หมอไกร เป็นหมอผี
ไม่ใช่หมอรักษา คน
หมอไกร พยายามขอร้องว่า ให้เลิกทำแบบนี้ได้มั้ย
แต่ก็ทำได้แค่เพียง การก้มหน้ารับความจริง และกลับมานอนร้องไห้เสียใจคนเดียวทุกคืน
ว่า ทำไม
ทำดีแล้ว
แต่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
ทั้งที่ หมอไกร ก็ไม่เคยนำวิชาทางไสยเวทย์ มนต์ดำ มายุ่งเกี่ยวกับการรักษาในหน้าที่แพทย์เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เมื่อถูกเหยียดหยาม หนักเข้า หนักเข้า
ว่า ...ไอ้หมอผี อย่างนู้น ไอ้หมอผี อย่างนั้น ไอ้หมอผี อย่างนี้...
จนวันหนึ่ง หมอไกร เกิดบันดาลโทสะ
หันไปพึ่ง ไสยเวทย์มนต์ดำ ที่ หมอไกร เคยร่ำเรียนมา
ทำคุณไสย สะกดวิญญาณ
และสั่งผีที่มีความอาฆาตมาดร้ายไปสั่งสอนคนพวกนี้
เพื่อให้เลิกพูดจาดูถูกเหยียดหยามคนอื่นซักที และรู้จักให้เกียรติคนอื่นซะบ้าง
แต่ คนพวกนี้ ยิ่งแข็งข้อ
รังแก และกลั่นแกล้ง หมอไกร สารพัด
และที่หนักไปกว่านั้น
ยืน ตะโกนด่า หมอไกร ต่อหน้าผู้คนในที่สาธารณะ
ว่า หมอไกร เป็น หมอผี
และเที่ยวบอกคนอื่นไปว่าถูก หมอไกร ทำคุณไสย ใส่
ใครผ่าตัดกับ หมอไกร ให้ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ
มันทำคุณไสยใส่คนไข้ ไปกี่คนแล้วก็ไม่รู้
คนแบบนี้ ไม่สมควรเป็นหมอ
หมอไกร พยายามไม่โต้เถียง และพยายามจบเรื่องอย่างสงบ
แต่คนพวกนี้ปฏิเสธว่า
ไม่ยอม
ไม่เอา
ไม่จบ
จะจบให้ก็ต่อเมื่อ หมอไกร เลิกเป็นหมอ
เหตุการณ์นี้ทำให้ หมอไกร เลือดขึ้นหน้า
และ เผลอหลุด ปากไป เพราะ หมดสิ้นซึ่งความอดทน
ว่า พวกมึง อยากเห็น กู เป็นแบบนั้น นักใช่มั้ย
ได้
เดี๋ยวกู จัดให้
หมอไกร ลั่นวาจาไปด้วยความโมโห
และคืนนั้น หมอไกร เริ่มทำพิธี ปลุกเสกไสยเวทย์ มนต์ดำ
ทำคุณไสย สะกดวิญญาณ
และสั่งผีที่มีความอาฆาตแค้นแรงคลั่ง ไปสั่งสอนคนพวกนี้
และทำแบบนี้ ซ้ำ ๆ
ทุกคืน
และหนักขึ้นเรื่อย ๆ
เพื่อสั่งสอนให้คนพวกนี้รู้จักความเจ็บปวด ของคนที่ถูกกระทำซะบ้าง
หมอไกร เล่นงานคนพวกนี้หนัก จนกระทั่งคนพวกนี้ กลัว จนหัวหด และ แทบจะคลานเข่า มาร้องขอชีวิต
หลังจากนั้น คนพวกนี้ก็ไม่กล้ามาตอแยหมอไกรอีกเลย และเป็นที่สาแก่ใจของ หมอไกร ในที่สุด
เมื่อ หมอไกร ได้ใช้วิชาทางไสยเวทย์มนต์ดำ บ่อยเข้า
กลับกลายเป็นว่า หมอไกร รู้สึกว่าตัวเอง มีวิชาอาคมแกร่งกล้า และมีอำนาจอยู่ในมือ ทำอะไรก็ได้
และเสพติด หลงใหล การใช้อำนาจเหนือคนอื่น
จึงเริ่มมักใคร่ใฝ่รู้เรื่องไสยเวทย์มนต์ดำอย่างจริงจังมากขึ้น
แต่กลับกัน
หมอไกร ไม่ใส่ใจหน้าที่แพทย์เหมือนเมื่อก่อน และเริ่มผ่าตัดผิดพลาดบ่อยขึ้น
จนกระทั่งเกิดเคสผ่าตัดคนไข้ ที่เป็นนักกีฬาฟุตบอล เยาวชนทีมชาติ คนหนึ่ง ซึ่งเกิดการผ่าตัดผิดพลาด ทำให้คนไข้รายนี้เสียชีวิต
หมอไกร ถูกพ่อแม่ ของคนไข้ ร้องเรียน และขู่ว่าจะฟ้อง ที่ทำให้ลูกชายของพวกเขาซึ่งกำลังจะมีอนาคต ต้องจากไปก่อนวัยอันควร
หมอไกร ถูกทางโรงพยาบาลวางมาตรการให้พักงานผ่าตัดไว้ชั่วคราว
และในระหว่างนั้น ทางโรงพยาบาลก็ออกคำสั่ง ให้ หมอไกร ทำหน้าที่แค่เพียงการตรวจโรคคนไข้ทั่วไป
ซึ่งในแต่ละวัน ...หมอไกร ก็ถูกญาติของคนไข้ มาดักรอ เพื่อที่จะเอาเรื่อง ทุกวัน
จนหมอไกรเริ่มเครียด และถึงจุดปรี๊ดแตกในวันหนึ่ง
โดย หมอไกร ได้บันดาลโทสะ
ใช้ปากกาที่ถืออยู่ในมือ
ซึ่งกดโคนด้ามปากกาทิ้งไว้
หัวปากกา แหลม ยาว โผล่พ้นปลายด้าม
ในลักษณะเตรียมพร้อมสำหรับเขียน
แต่ หมอไกร ง้าง มือ
กาง แขน สุดเหยียด
และเหวี่ยง ออก ไป เต็มแรง
แทงเข้าไปที่ต้นคอ บริเวณใต้ใบหู ของญาติคนไข้
ที่วิ่งปรี่เข้ามา เอาเรื่อง ในวันนั้น
แล้วดึง ปากกา ออก อย่าง เลือดเย็น
และ แทงซ้ำ ไปอีก 3-4 แผล ที่จุด ๆ เดิม
ทิ้งร่างญาติคนไข้ ล้มลง นอน ดิ้น ชักกระตุก ร้องโอดโอย เสียงโหยหวน จวนขาดใจ
ทุรน ทุราย จม กองเลือด สีแดง ฉาน
ที่กำลังฉีดออกมา เป็นเส้นสาย
พุ่งกระจายไปทั่วพื้นทางเดินของโรงพยาบาล
คนในโรงพยาบาลเริ่มแตกตื่น ร้องโวยวาย
แต่ หมอไกร ยืนตัวสั่น และช็อกกับการกระทำของตัวเอง
มือ และ แขนข้างขวา เต็มไปด้วย เลือด สีแดงสด
ที่ ฉีด กระเซ็นใส่ เป็นเม็ด ละออง
และในมือ กำ ปากกาด้ามเดิม ซึ่งฉ่ำ ไปด้วย เลือด ที่ค่อย ๆ ไหล จาก แขน และ มือ ลงมา ที่ด้ามปากกา
ไหลหยดลงพื้น
...ติ๋ง...ติ๋ง...ติ๋ง...
บุรุษพยาบาล และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย วิ่งกรูกันเข้ามาเคลียร์สถานการณ์
แต่ หมอไกร ใช้จังหวะชุลมุน วิ่งหนีออกไปทางหลังโรงพยาบาล และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ทางตำรวจก็พยายาม ตาม หา ตัว กันทั่วพื้นที่ แต่ก็ไม่พบ
ส่วนญาติคนไข้ ที่ถูกแทง ก็สิ้นใจ ในที่สุด จากอาการเสียเลือดมากและทนพิษบาดแผลไม่ไหว แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นสาเหตุมาจากเส้นเลือดใหญ่ถูกแทงกระหน่ำซ้ำๆหลายแผล ซึ่ง คนเป็นหมอรู้อยู่แล้วว่าจุด ๆ นี้ทำให้ตายได้เลย
และสันนิษฐานว่า หมอไกร น่าจะมีเจตนาฆ่าและหวังที่จะทำให้ตายไปเลยแน่นอน
แต่หลังจากนั้น ชาวบ้านเริ่มพูดปากต่อปาก
ว่า หมอไกร เป็นฆาตรกร ฆ่า คน อย่างเลือดเย็น
จนชาวบ้านหวาดผวา หมอไกร กันไปทั้งหมู่บ้าน
กระทั่งวันหนึ่ง มีคนพบเห็น หมอไกร ปรากฏตัวแถวบริเวณกุฏิของเจ้าอาวาส ชาวบ้านก็เลยแจ้งตำรวจและระดมพลไปช่วยกันตามจับ
และในที่สุดก็ตามเจอตัว หมอไกร อยู่ในกุฏิของเจ้าอาวาส
แต่เจอในสภาพที่
หมอไกร เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย
เนื้อตัวมอมแมม และเปื้อนคราบเลือดเต็มตัว
ในลักษณะนั่งยอง ๆ
และกำลัง กัด กิน ก้อนเนื้อเปื้อนเลือด อย่างหิวโหย อยู่ในกุฏิของเจ้าอาวาส
มองถัดไป เป็น เจ้าอาวาสนอนแน่นิ่งในสภาพกระโหลกศีรษะโดนมีดกรีด
ทั้ง สมอง
ทั้ง เลือด
ทั้ง น้ำมัน
ไหล เยิ้ม
กอง เละเทะ ไหล นอง เต็มพื้น
เมื่อ หมอไกร เหลือบมองเห็นตำรวจ ก็เริ่มมีอาการตกใจ
ยื่นมือ ไป คว้ามีดขึ้นมา และทำท่าทีเหมือนจะต่อสู้
แต่ตำรวจชิงโอกาสยิงสวนไปก่อน 1 นัด
กระสุนฝังเข้าไปที่ขมับซ้ายของ หมอไกร
ร่างของ หมอไกร ค่อย ๆ ล้มลง
นอน แน่ นิ่ง
ทับกองเลือด และกองเศษชิ้นเนื้อสมอง ของเจ้าอาวาส
เสียงหายใจ เฮือกสุดท้าย และสิ้นใจคาที่ ในที่สุด
และเป็นจุดจบของ การนำไปสู่การปิดคดีของ หมอไกร ด้วยการวิสามัญฆาตกรรม
เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึง ความมืดมนในด้าน จิต ใจ ของมนุษย์
และถ้าความรู้ความสามารถพิเศษ หรือพรสวรรค์
อยู่ในมือของคนที่ ต้องตกอยู่ในสถานการณ์บีบคั้นหรือกดดัน จาก สิ่งที่ยั่วยุ
จนทำให้จิตใจอ่อนแอ และ สิ้นไร้ไม้ตอก
คน ๆ นั้น อาจจะไม่เข้มแข็งพอที่จะต่อสู้กับความผิดปกติและความชั่วร้ายในตัวของมนุษย์เองได้ และอาจทำให้เกิดเรื่องราวที่น่าสยดสยองและน่าสะพรึงกลัวแบบที่ไม่คาดคิดก็เป็นได้
แต่
เรื่องราวสยองขวัญของ หมอไกร เหมือนจะยังไม่จบ
เมื่อปรากฏว่า รถของเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูซึ่งมาเก็บศพของหมอไกรและศพของเจ้าอาวาส ไปส่งที่โรงพยาบาล
แต่พอถึงโรงพยาบาล เหลือแค่ ศพของหมอไกร ศพเดียว
ส่วน ศพของเจ้าอาวาส หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
จนชาวบ้านเคลือบแคลงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับศพของเจ้าอาวาส
หรือ
เจ้าอาวาส อาจจะเป็น ร่าง ใหม่ ของหมอไกร
ซึ่งเป็นตัวอะไรก็ไม่มีใครทราบ
และรอวัน กลับ มา
กรีด หัว สมอง
และกัดกิน ก้อนเนื้อสมอง ใครซักคน
เหมือนที่ หมอไกร เคยทำ
ก็
เป็น
ได้
(ปล. Part เกี่ยวกับเรื่องราวสยองขวัญของหมอไกร ยังมีต่อ และสำหรับใครอยากอ่านเรื่อง ผีหมอไกร โปรดติดตามตอนต่อไป)
"หมอไกร" (คำเตือน: เรื่องนี้ Dark จิตอ่อน ห้ามอ่าน)
ย้อนกลับไปยัง “ระทึกขวัญ (Thriller)”
ผู้ใช้งานขณะนี้
สมาชิกกำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และบุคลทั่วไป 2